
ภาพประทับใจจากงาน “วันชื่นคืนสุข” รื่นเริงบำรุงสุข#2
ขอนำภาพประทับใจจากงาน “วันชื่นคืนสุข” รื่นเริงบำรุงสุข#2 เมื่อวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมใบหยกสกาย มาฝากเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ
โต้งเล่าว่า ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรก ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ เขากลัวการออกกอง เพราะเพิ่งเรียนจบได้ไม่นาน และเป็นคนที่เด็กสุดในกอง เขาจึงต้องคิดทุกอย่างไว้ละเอียด ทำทุกอย่างเป็นเส้นตรง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมหน้ากองเลย และที่สำคัญคือ เขาเครียดและกังวลถึงขั้นนอนไม่หลับ
แต่จุดที่หักเหสำคัญที่ทำให้เขารู้ว่าตัวเองไม่ปกติแล้ว เกิดขึ้นในฉากที่ตัวเอกขับรถชนผี ซึ่งวันก่อนถ่าย ทีมโลเกชันโทรศัพท์มาบอกว่า เจ้าของสถานที่ไม่อนุญาตให้ถ่าย แต่แทนที่จะรู้สึกกังวล เขากลับรู้สึกโล่งใจ ซึ่งพอมองย้อนกลับไป สิ่งนี้สะท้อนว่าเขากำลัง ‘กลัวโง่’
“เราเป็นเด็ก เราต้องการพิสูจน์ตัวเองว่า เราเจ๋ง แล้วไม่ยอมรับว่าตัวเองโง่ เวลาเขาถามความเห็น เราพยายามมีความเห็นเลียบๆ เคียงๆ อีกเรื่องที่ผมเป็นคือกลัวคนจะมองเราว่าเป็นยังไง ซึ่งไม่เกี่ยวกับการทำงานเลย และใช้เวลาหลายปีในการเอาชนะสิ่งนี้
“เพราะตอนที่ถ่ายชัตเตอร์เราอยู่ท่ามกลางผู้ยิ่งใหญ่มาก แล้วถ่ายได้ 60 เปอร์เซ็นต์ ผมถูกสั่งหยุดถ่ายกลางคัน สิ่งที่เราคิดคือฉิบหายแล้ว คิดแต่วิกฤตศรัทธา ตอนนั้นผมกับโอ๋ที่เป็นผู้กำกับร่วมดาวน์มาก ทำไมต้องเจอสิ่งนี้ แต่ความจริงแล้วการหยุดถ่ายคราวนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะผมมีเวลามากมายในการตัดต่อ ทบทวนสิ่งที่เราถ่ายไปว่าพอหรือไม่
“และต่อมาเมื่อผมทำหนังเรื่องสี่แพร่ง ผมก็กลัวการทำหนังตลก ครั้งนั้นผมทำหนังเรื่องคนกลาง ซึ่งพล็อตนี้เกิดขึ้นจากเราไปทะเลเพื่อคิดมุกผี แล้วทีมงานอีก 2 คนก็พยายามแย่งกันนอนกลาง ด้วยความเชื่อว่านอนริมเดี๋ยวผีมาดึงไป ก่อนนอนผมเลยพูดว่า ถ้ากูตายจะมาหลอกคนนอนกลางก่อน คืนนั้นนอนไม่หลับเลย แล้วรุ่งขึ้นผมจดคำนี้ไว้เลย เป็นความรู้สึกที่มันมาก ทั้งน่ากลัวและตลก แต่พอคิดแบบนี้ ความกลัวแล่นมาเลยว่าทำหนังตลกได้เหรอ เรากลัวในสิ่งที่ไม่เคยทำ แต่โชคดีที่มันเป็นหนัง 4 ตอน ความกดดันก็เลยกระจายไป เราก็ค่อยๆ เรียนรู้ ซึ่งก็สำเร็จกว่าที่คิด พอเราทำอะไรใหม่ๆ แล้วสำเร็จก็เลยเริ่มติดใจ กล้าเผชิญความกลัวครั้งต่อไป”
จากหนังผีสู่หนังตลก โต้งเริ่มทำหนังรัก ‘กวนมึนโฮ’ ซึ่งสถานการณ์ไม่ต่างจากครั้งแรกเลย เขากลัวตัวเองจะเป็นผู้กำกับหนังรักที่แย่สุดใน GTH จึงกดดันอย่างหนัก เขาใส่ใจการแสดงของนักแสดงเยอะมาก มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด และมีถ่ายเผื่อเยอะมาก เพื่อจะได้ช็อตที่ดีที่สุดสำหรับภาพยนตร์
กระทั่งวันหนึ่งประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดนับสิบปี ทำให้เขากล้าและเดินหน้าได้อย่างมั่นใจ
“ทุกวันนี้ผมออกกองโดยไม่กังวลอีกแล้ว คือปกติผมเป็นคนเตรียมงานเป๊ะมาก แต่พอถึงหน้ากองผมพร้อมจะทิ้งทุกอย่างและพร้อมอิมเพอร์ไวซ์ได้แล้ว คือบริหารตัวเองจนอยู่หมัด ค่อยๆ เอาชนะทีละอย่างสองอย่าง
“แต่ไม่ได้หมายความว่าผมโปรแล้ว ไม่กลัวอะไรแล้ว เพราะเวลาเริ่มสิ่งใหม่ก็ยังกลัวอยู่ อย่างตอนนี้โปรเจ็กต์ใหม่ในชีวิต อาการเก่าๆ ที่เคยเป็นก็เริ่มกลับมา แต่ผมกลับรู้สึกว่าความกลัวทำให้มีชีวิตชีวา และทำให้เรากล้าเดินเข้าไปในความมืด ซึ่งอาจจะมีสิ่งยิ่งใหญ่รอเราอยู่ก็ได้”
5 สิ่งที่เรียนรู้จากโต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ใน ‘สารบำรุงสุข’
1. ไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง รู้จักยอมรับตัวเอง และพร้อมเรียนรู้
2. บางทีในความมืด หากเราไม่กลัวแล้วเดินเข้าชน อาจมีเรื่องยิ่งใหญ่รออยู่ก็เป็นได้
3. มองโลกในหลายมุม บางทีเรื่องที่เหมือนเลวร้าย อาจมีสิ่งดีๆ ซุกซ่อนอยู่
4. ความกลัวเป็นเรื่องธรรมชาติ สิ่งสำคัญคือคุณจะบริหารความกลัวและก้าวให้พ้นจากข้อจำกัดอย่างไร
5. ประสบการณ์ และการเรียนรู้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้หลุดจากความกลัวไปได้…
ขอนำภาพประทับใจจากงาน “วันชื่นคืนสุข” รื่นเริงบำรุงสุข#2 เมื่อวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมใบหยกสกาย มาฝากเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ
คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ จัดพิธีทำบุญ รำลึกถึงศาสตราจารย์ บำรุงสุข สีหอำไพ ผู้ก่อตั้งคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พวกเราตัวแทนจากมูลนิธิฯ ได้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อแสดงความรำลึกถึงอาจารย์ที่เคารพรักของเราด้วยค่ะ
มูลนิธินิเทศศาสตร์ ศาสตราจารย์บำรุงสุข สีหอำไพ ขอพาทุกท่านย้อนกลับไป เพื่อสัมผัสเรื่องราวของอาจารย์ผู้เสียสละ ผ่านการ์ตูน 4 ตอนที่รังสรรค์โดยฝีมือของพี่น้องชาวนิเทศ แล้วคุณจะทราบว่า ชายผู้นี้สำคัญอย่างไรกับสังคมไทย
มูลนิธินิเทศศาสตร์ ศาสตราจารย์บำรุงสุข สีหอำไพ
เลขที่ 254 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330